ททท : 11/11519
Header

SOUTH AFRICA 8 DAYS 6 NIGHTS

ข้อมูลเกี่ยวกับทัวร์นี้

  • รหัสทัวร์: SPSAF002
  • ราคาเริ่มต้น: ฿ 109,000
  • 8 วัน 6 คืน
  • แอฟริกาใต้
  • 21 Jul 2024 - 22 Dec 2024
  • Emirates
ปฏิทิน

ไฮไลท์ทัวร์

  • โจฮันเนสเบิร์ก - พีลานสเบิร์ก - พักซาฟารี ลอดจ์ - Game Drive
  • ท่องป่าซาฟารี Morning Game Drive - อาณาจักรซันซิตี้ - พักโรงแรมเดอะพาเลซ
  • ซันซิตี้ - Lesedi Cultural Village - พรีทอเรีย - ภัตตาคารคาร์นิวอร์
  • โจฮันเนสเบิร์ก - บินสู่เคปทาวน์ - ฟาร์มนกกระจอกเทศ - เทเบิลเมาเท่น
  • เกาะแมวน้ำ - นกเพนกวิน - เคปพอยน์ - แหลมกู๊ดโฮป - ไร่องุ่น ไวน์เอสเตท - เคปทาวน์

แผนการเดินทาง

  • วันที่ 1 ออกเดินทางจากประเทศไทย - ดูไบ - โจฮันเนสเบิร์ก (อัฟริกาใต้)

    07.00 น. พร้อมคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรสต์ แอร์ไลน์ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน

    09.50 น. ออกเดินทางสู่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก โดยสายการบินเอมิเรสต์ แอร์ไลน์ โดยเที่ยวบินที่ EK 375 // EK 765 แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามดูไบ

    20.50 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติโออาร์ แทมโบ เมืองโจฮันเนสเบิร์ก เมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางทางพาณิชยกรรมของ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง แล้วนำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม
    นำท่านเข้าสู่ที่พัก Holiday Inn Johannesburg Airport ****

  • วันที่ 2 โจฮันเนสเบิร์ก – พีลานสเบิร์ก - พักซาฟารี ลอดจ์ – Game Drive

    08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

    09.30 น. เดินทางสู่อุทยานสัตว์ป่าขุนเขา พีลันเนสเบิร์ก(Pilansberg) เป็นเขตสงวนพันธุ์และอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าปลอดโรคมาลาเรียแห่งนี้มีสัตว์ป่ามากมาย รวมถึงสัตว์ป่าขนาดใหญ่ 5 ตัว หรือ Big Five ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก โจฮันเนสเบิร์ก และพริทอเรีย เป็นที่นิยมมาก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ช.ม.)

    12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
    บ่าย นำท่านเข้าพักในซาฟารีลอดจ์ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร ทั้งใกล้ชิดกับธรรมชาติ เขตอุทยานป่าขนาดใหญ่

    15.00 น. เริ่มกิจกรรม Game Drive ยอดนิยมสำหรับผู้ที่มาเยือนดินแดนแห่งอัฟริกา รถเปิดประทุนเป็นความฝันของนักท่องเที่ยว และช่างภาพ ที่ทุกท่านก็สามารถคาดหวังได้ว่าจะได้พบกับสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด ท่องป่าซาฟารีในช่วงเย็น สัตว์ป่าบางชนิดของอัฟริกาออกหากินในยามเย็นไม่ว่าจะเป็น BIG FIVE ไปจนถึงเพื่อนๆ ที่น่ารักอย่างยีราฟ ม้าลาย ฮิปโปโปเตมัส และนกนานาชนิด ท่ามกลางบรรยากาศยามอัสดง
    (Game Drive ใช้เวลาโดยประมาณ 3 ช.ม. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและการตามหาสัตว์ในที่ต่างๆอีกด้วย)

    19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารใน  Lodge
    นำท่านเข้าสู่ที่พัก BAKUBUNG BUSH LODGE****  หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน

  • วันที่ 3 ท่องป่าซาฟารี Morning Game Drive - อาณาจักรซันซิตี้ - พักโรงแรมเดอะพาเลซ

    08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของลอด์จ

    09.00 น. Game Drive ท่องป่าซาฟารีในยามเช้า ดูสัตว์ที่วนอุทยานสัตว์ป่าขุนเขาพีลานสเบิร์ก มีพื้นที่ประมาณ 500 ตารางกิโลเมตร พื้นที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อหลายร้อยปีก่อน ทำให้ผืนดินมีแร่ธาตุอุดมสมบรูณ์ มีความเขียวชอุ่มเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานับชนิด และแน่นอนหมายรวมถึง ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้า (Big Five) คือ ควายป่า ช้าง สิงโต แรด และเสือดาว ซึ่งถ้าได้เห็นครบก็ถือได้ว่าเป็นการชมสัตว์ที่สมบูรณ์ แต่ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะสัตว์ที่นี่อยู่กันอย่างอิสระ ในป่าซึ่งเป็นป่าโปร่ง ป่าละเมาะและทุ่งหญ้าสะวันนา จนถึงกึ่งทะเลทราย อัฟริกาใต้มีสัตว์ป่ากว่า 220 ชนิด ซึ่งสัตว์ป่าที่มีชีวิตอยู่อย่างอิสระตามธรรมชาติบ่าย

    11.00 น. ออกเดินทางเข้าสู่ “ซันซิตี้” Sun City หรือ The Lost City โดยรถ Shuttle Transfer สู่ เมืองลับแลแห่งหุบเขาแสงตะวัน เป็นเมืองที่ถูกเนรมิตขึ้นจากความคิดของอภิมหาเศรษฐีที่ชื่อว่าซอล เคิร์ซเนอร์ ที่ลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลถึง 28,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างนาน 18 ปี และความพยายามอีกล้นเหลือในการเนรมิต ผืนดินอันว่างเปล่าและแห้งแล้งในแคว้น Bophuthatswana กลางอัฟริกาใต้ให้กลายเป็นเมืองแห่งความสำราญบันเทิงทุกรูปแบบ โดยการเริ่มสร้างโรงแรมไปเรื่อยๆ ตั้งแต่โรงแรมเดอะซันซิตี้, โรงแรมเดอะคาบานาส, โรงแรมเดอะคาสเคด จนในปีค.ศ. 1992 เขาก็ได้สร้างโรงแรมที่ที่หรูราคาแพงที่สุดในบรรดาโรงแรมทั้งหลายที่ได้กล่าวมานามว่า เดอะพาเลซ (The Palace or The Palace of the Lost City) ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียนผสมแอฟริกัน และตกแต่งภายในสไตล์แอฟริกัน ให้สมกับเป็นอาณาจักรอลังการดาวล้านดวงแห่งนี้

    12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
    บ่าย อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวก มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และทะเลน้ำจืดเทียมขนาดใหญ่ยักษ์ที่เรียกว่า Valley of Wave มีลักษณะเหมือนทะเลจริงๆ แวดล้อมด้วยขุนเขาและต้นไม้ที่จัดตกแต่งอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ใกล้ๆ กันคือ สะพานแห่งกาลเวลา Bridge of time สองข้างสะพานมีช้างแกะสลักเรียงรายอยู่ สะพานนี้เชื่อมต่อกับกองหินมหึมา ที่เชื่อว่าเป็น The Lost City ที่สูญหายไป และเพื่อเป็นการตอกย้ำระลึกถึงความทรงจำเขาเลยสร้างสะพานแห่งนี้ขึ้น ทุกๆหนึ่งชั่วโมงสะพานจะถูกเขย่าเสมือนแผ่นดินไหว นอกเหนือจากนี้ยังมีสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานโลก ที่ใช้เป็นสถานที่แข่งขันกอล์ฟนัดสำคัญๆ มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ออกแบบโดยนักกอล์ฟชื่อดังของโลก Gary Player คือ Gary Player Golf Course และ Sun City Golf Course โรงภาพยนตร์ ร้านค้า ดิสโก้เธค คาสิโนที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เมืองนี้ไม่เคยหลับใหล สวนสัตว์ สวนพฤกษศาสตร์ที่รวบรวมพันธุ์ไม้จากทั่วโลกเอาไว้ พร้อมน้ำตก และธารน้ำไหลรินเอื่อยๆ ที่สร้างความสดชื่อสบายอย่างบอกๆไม่ถูก บางสถานที่และกิจกรรมบางประเภทถูกสงวนไว้สำหรับแขกที่มาพัก The Palace เท่านั้น

    19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
    นำท่านเข้าสู่ที่พัก THE PALACE OF THE LOST CITY*****

  • วันที่ 4 ซันซิตี้ - Lesedi Cultural Village - พรีทอเรีย - ภัตตาคารคาร์นิวอร์

    08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

    09.00 น. นำคณะเข้าสู่ Lesedi Cultural Village สัมผัสชีวิตในหมู่บ้านแอฟริกา เรียนรู้เกี่ยวกับประเพณีอันเก่าแก่ของชนเผ่า ชมการเต้นรำและชิมอาหารต้นตำรับแอฟริกัน หมู่บ้านวัฒนธรรมเลเซดี ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาหินและป่าไม้ที่งดงาม ซึมซับบรรยากาศการต้อนรับอย่างอบอุ่นตามวัฒนธรรมของชนเผ่าแอฟริกา แสดงให้เห็นถึงชนเผ่า 5 กลุ่มของแอฟริกาใต้ คือ บาโซโท อินเดบีเล เปดี โซซา และซูลู ชมสื่อมัลติมีเดียเกี่ยวกับต้นกำเนิดของชาวแอฟริกาใต้ แล้วจะเข้าใจว่าทำไม Desmond Tutu ถึงได้ตั้งชื่อให้ว่าเป็นประเทศแห่งสายรุ้ง ติดตามชาวบ้านผู้มีความรู้ไปเยี่ยมชมบ้านเรือนของแต่ละชนเผ่า ดูการตีกลอง ขว้างหอก และการสาธิตการต่อสู้ด้วยไม้

    12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
    บ่าย ออกเดินทางสู่เมืองพริทอเรีย เมืองแห่งดอกไม้สีม่วง (Pretoria) เมืองหลวงด้านการบริหารของแอฟริกาใต้เมืองนี้ ตั้งตามชื่อของแอนดีส์ พรีทอรีอัส (Andries Pretorius) วีรบุรุษของการต่อสู้รบระหว่างพวกบัวร์ (Boer) กับชนพื้นเมืองผิวดำ พริทอเรีย จึงเป็นเมืองหลวงของชาวบัวร์ที่พยายามต่อสู้กับพวกอังกฤษเพื่อให้ได้อิสรภาพ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานทูตนานาชาติ ธนาคาร ทำเนียบประธานาธิบดี และที่ทำการรัฐบาล

    สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของเมืองคือ ต้นแจ๊กการันดา (Jacaranda) ที่มีดอกสีม่วงสดบานสะพรั่งดั่งเช่นซากุระของชาวญี่ปุ่น เมืองนี้ได้สมญานามว่า “City of Jacarandas” ซึ่งจะออกดอกบานสะพรั่งให้ได้เห็นกันในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี

    นำคณะเที่ยวชมสถานที่สำคัญของเมือง Church Square จตุรัสกลางเมือง เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พอล ครูเกอร์ อดีตประธานาธิบดีของรัฐอิสระชาวบัวร์ จตุรัสแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ชาวบัวร์มาชุมนุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการปกครอง และรับรู้ข่าวสารบ้านเมืองกัน ใกล้กันเป็น City Hall  ศาลาเทศบาลเมือง ด้านหน้าอาคารมีอนุสาวรีย์แอน ดรีส์ พรีทอรัสและลูกชาย ผู้ก่อตั้งเมือง Union Building ทำเนียบประธานาธิบดี ที่ใหญ่โตมโหฬารราวกับพระราชวัง จนติดอันดับว่าเป็นทำเนียบที่สวยที่สุดในโลก

    เข้าชมพิพิธภัณฑ์วูร์เทรคเกอร์ (Voortrekker Monument & Museum) ศูนย์รวมจิตใจของชนผิวขาวเชื้อสายดั้งเดิมของชาวบัวร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการเดินทางอพยพของพวกบัวร์จากปลายแหลมของทวีป เข้าสู่ใจกลางประเทศแอฟริกาใต้และร่วมฉลองครบรอบ 100 ปีของการสู้รบกับชาวพื้นเมือง

    19.00 น. รับประทานอาหารค่ำสไตล์อัฟริกัน ณ ภัตตาคารคาร์นิวอร์ BBQ หอมกรุ่น ที่มีเนื้อหลากหลายชนิดให้ท่านได้ทดลองชิมท่ามกลางบรรยากาศอันโรแมนติก
    นำท่านเข้าสู่ที่พัก Radisson OR Tambo Hotel**** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน

  • วันที่ 5 โจฮันเนสเบิร์ก - บินสู่เคปทาวน์ - ฟาร์มนกกระจอกเทศ - เทเบิลเมาเท่น

    08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

    09.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองเคปทาวน์ โดยสายการบินภายในประเทศ
    ถึงสนามบินเคปทาวน์ นำท่านเที่ยวชมเมืองเคปทาวน์ ซึ่งตั้งอยู่ในแหลมทางใต้สุดของประเทศ เป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศ และยังมีแหลมต่างๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ แหลมกู๊ดโฮป และแหลมอากัลลาส ซึ่งตั้งอยู่ปลายใต้สุดของทวีปแอฟริกาเป็นจุดที่มหาสมุทรแอตแลนติค และมหาสมุทรอินเดีย มาบรรจบกันจึงทำให้มีอากาศแปรปรวน และบริเวณเมืองริมฝั่งทะเลของเคปทาวน์นี้ เป็นเส้นทางที่น่าเที่ยวที่สุดและมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
    นำท่านสู่ West Coast Ostrich Farm ฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศขนาดใหญ่ เพื่อที่ท่านจะได้สัมผัสกับวงจรชีวิตของนกกระจอกเทศอย่างใกล้ชิด รับชมและรับฟังเรื่องราวของการเลี้ยงนกกระจอกเทศ อันเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ทำรายได้ดี ตลอดจนวงจรชีวิตของสัตว์ปีกที่มีขนาดใหญ่และวิ่งเร็วที่สุดในโลก

    13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน เมนูสเต็กเนื้อนกกระจอกเทศ ณ ภัตตาคาร
    บ่าย นำคณะขึ้นสู่ เทเบิ้ล เมาเท่น ภูเขาสูงยอดตัดตรง เหมือนกับโต๊ะ โดยกระเช้าไฟฟ้าหมุนรอบตัวเอง (Cable Car) ซึ่งในช่วงที่ลมแรงหรือมีฝนตกจะหยุดวิ่งทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้มาเยือน ขึ้นมาด้านบน มีเส้นทางเดินลัดเลาะไปตามแนวขอบเขา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวรอบด้านได้อย่างชัดเจน ไกลไปจนถึงตัวเมืองเคปทาวน์ทีเดียว บนภูเขาโต๊ะนี้มีสัตว์ตัวเล็กประเภทหนึ่งหน้าตาน่าเอ็นดู ชื่อว่าตัวแดสซี่ หรือ กระต่ายหิน (Dassie or Rock Rabbit) มีลักษณะกึ่งผสมระหว่างกระรอกกับกระต่าย เป็นมิตรกับผู้คนที่ผ่านมาเยือน เมื่อมองไปรอบๆ

    เราจะเห็นภูเขารายล้อมหลายต่อหลายลูก แต่ที่โดดเด่นคือ ไลอ้อนเฮด (Lion Head) ภูเขาที่มองดูแล้วใครๆ ก็ต้องพูดว่าคล้ายหัวสิงโตในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าภูเขาลูกนี้มีสีแดงสวยงามยิ่งนัก หมายเหตุ กระเช้า Cable Car จะปิดทำการในช่วงที่ลมแรงหรือมีฝนตกจะหยุดวิ่ง เพื่อความปลอดภัยของผู้มาเยือน
    นำคณะเดินทางสู่ย่าน Victoria & Alfred Waterfront วิคตอเรีย แอนด์ อัลเฟรด วอเตอร์ ฟร้อนท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ให้คุณได้สัมผัสความมีชีวิตชีวาของเคปทาวน์ มีร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และเป็นท่าเทียบเรือขนาดเล็กอีกด้วย

    19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน เลิศรสกับเมนูพิเศษกุ้งมังกร+เป๋าฮื้อ
    นำท่านเข้าสู่ที่พัก The Commodore or Radisson Red V&A Waterfront ****
    หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน (พัก 2 คืน)

  • วันที่ 6 เกาะแมวน้ำ - นกเพนกวิน - เคปพอยน์ - แหลมกู๊ดโฮป

    07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

    08.00 น. รถปรับอากาศนำคณะเที่ยวชมความงดงามที่ซ่อนเร้นของเมืองเคปทาวน์ เมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ปลายสุดของแอฟริกาใต้ เป็นเมืองหลวงด้านนิติบัญญัติของอัฟริกาใต้ มีอดีตเก่าแก่และทันสมัยที่สุด แถมด้วยรางวัลการเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าใจกว้างที่สุดของอัฟริกาใต้อีกด้วย เพราะที่เมืองนี้คนต่างสีผิวสามารถเดินเคียงบ่าเคียงกันได้ทุกสถานที่

    คณะลงเรือที่ท่าฮูทเบย์ (Hout Bay) เพื่อไปชมแมวน้ำที่ เกาะดุยเกอร์ (Duiker Island) เหล่าแมวน้ำตัวอ้วนอุยนอนเบียดเสียดอาบแดดกันเต็มเกาะตามธรรมชาติ แล้วแวะเยี่ยมเหล่าบรรดานกเพนกวิน อัฟริกันที่เมืองไซมอน (Simon’s Town) ณ เมืองแห่งนี้บ้านเรือนจะตั้งลดหลั่นกันอยู่ตามเนินเขา หันหน้าออกทะเล ซึ่งเจ้าของส่วนมากเป็นคนมีฐานะทั้งนั้น เมื่อมาถึงบริเวณชายหาดโบลเดอร์ เจ้าบ้านตัวน้อยนกเพนกวินอัฟริกัน ตัวผู้มีสีสันมากกว่าตัวเมีย โดยเฉพาะบริเวณขอบตาจะมีสีชมพู คล้ายแต้มสีอายแชโดว์ไว้อย่างนั้น ส่วนตัวเมียจะไม่มี ลำตัวมีสีดำขาวตัดกัน แต่ตัวเมียมีสีน้ำตาล และมีขนาดใหญ่กว่า นกเพนกวินที่นี่ใช้ชิวิตอย่างอิสระสบายอารมณ์ตามธรรมชาติ แล้วเดินทางสู่แหลมแห่งความหวัง หรือ แหลมกู๊ดโฮป

    13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เสริฟ์ด้วยเมนูกุ้งมังกร (Crayfish)

    14.00 น. นำท่านเที่ยวชมแหลมแห่งความหวัง หรือ แหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope)  อยู่ในเขตสงวน Cape of Good Hope Nature Reserve ปลายสุดแหลม มีประภาคารขนาดใหญ่ จะเห็นรอยตะเข็บที่มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติกมาบรรจบกันได้ชัดเจนบนผิวน้ำซึ่งเป็นเหตุให้บริเวณนี้ท้องทะเลมักมีหมอกลงจัดอากาศแปรปรวน        ทั้งนี้ เพราะกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นมาปะทะกัน ทำให้ยากต่อการเดินทางโดยทางเรือทั้งในสมัยโบราณและปัจจุบัน ทัศนะวิสัยไม่ดีนักทำให้เรือชนหินโสโครกหรือชนกันเองเสมอๆจนก่อให้เกิดเรื่องราวของภาพหลอนมิติอันลี้ลับและเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ         ฟลายอิ้งดัตช์แมน Flying Dutchman ซึ่งเป็นชื่อเรือที่นักเดินทางเรือชาวดัตช์ ที่พยายามจะเดินทางอ้อมผ่านแหลมกู๊ดโฮป ให้ได้แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ทำให้เรือสูญหายไปในทะเลท่ามกลางหมกหนาทึบจนทุกวันนี้ และจุดชมวิวที่สวยที่สุดคือ Cape Point เคปพอยท์ จนได้เวลาอันสมควร นำคณะออกเดินทางกลับสู่เมืองเคปทาวน์

    19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
    นำท่านเข้าสู่ที่พัก The Commodore or Radisson Red V&A Waterfront ****
    หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน

  • วันที่ 7 ไร่องุ่น ไวน์เอสเตท - เคปทาวน์ - ดูไบ - เดินทางกลับประเทศไทย

    08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

    09.30 น. นำท่านแวะชมไร่องุ่นและแหล่งผลิตไวน์กันที่ กรูทคอนสแตนเทีย ไวน์เอสเตทที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบดัชต์ ซึ่งยังคงรักษาอาคารบ้านเรือนสมัยเก่าไว้ได้ในสภาพที่ดีเยี่ยมและสวยงาม มีไร่องุ่นมากมายและเป็นไร่องุ่นที่ดี มีโรงงานผลิตไวน์แดง และมีบริการให้ชิมไวน์กันด้วย

    13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
    เดินทางสู่ท่าอากาศยานเคปทาวน์ เพื่อทำการเช็คอิน

    18.20 น. ออกเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรสต์ แอร์ไลน์
    เที่ยวบินที่ EK771 / EK 370 (แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ)

  • วันที่ 8 เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ

    18.25 น. นำท่านเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

วันที่เดินทาง ราคาเริ่มต้น จำนวนคน
21 Jul 2024 - 28 Jul 2024 ฿ 109,000
11 Aug 2024 - 18 Aug 2024 ฿ 109,000
08 Sep 2024 - 15 Sep 2024 ฿ 109,000
13 Oct 2024 - 20 Oct 2024 ฿ 119,000
20 Oct 2024 - 27 Oct 2024 ฿ 119,000
03 Nov 2024 - 10 Nov 2024 ฿ 119,000
17 Nov 2024 - 24 Nov 2024 ฿ 119,000
01 Dec 2024 - 08 Dec 2024 ฿ 119,000
15 Dec 2024 - 22 Dec 2024 ฿ 119,000

ทัวร์ที่คล้ายๆกัน