- 3 วัน 2 คืน
รหัส : SPSL010
ราคาเริ่มต้น ฿10,900
……… น. เดินทางถึง ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ของทางบริษัทฯ ให้การต้อนรับ นำท่าน
ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองข้ามด่านสู่ ปอยเปต ประเทศกัมพูชา นำท่านขึ้นรถปรับอากาศท้องถิ่น
เดินทางสู่เมืองเสียมเรียบระยะทาง 150 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 1)
บ่าย นำท่าน ล่องเรือโตนเลสาบ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเสียมเรียบประมาณ 15 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใจกลางประเทศกัมพูชา มีพื้นที่ประมาณ 7,500 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โตนเลสาบแห่งนี้เปรียบเสมือนแก้มลิงธรรมชาติที่คอยรับน้ำจากแม่น้ำโขง ซึ่งแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านมีความยาวถึง 500 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดของกัมพูชา ได้แก่ กำปงธม กำปงชนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมเรียบ โตนเลสาบยังถือว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของชาวกัมพูชา มีปลาน้ำจืดกว่า 300 ชนิด ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชาวกัมพูชาเชื้อสายเวียดนาม ประกอบอาชีพชาวประมงเป็นหลัก ระหว่างทางจะเห็นได้วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวบ้านในละแวกนี้ที่อาศัยอยู่บนเรือหรือบนแพ เป็นชุมชนลอยน้ำขนาดใหญ่นับร้อยครัวเรือน
นำท่านชม ศาลองค์เจกองค์จอม ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 มีธิดาอยู่ 2 พระองค์ ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพ มีความสามารถด้านการรบเป็นอย่างมาก เป็นที่เกรงขามของข้าศึกศัตรู เป็นผู้ที่มีจิตใจงดงาม ยามว่างเว้นจากการศึก หากมีนักโทษที่ไม่ได้ทำความผิดที่ร้ายแรง พระองค์จะทรงขออภัยโทษให้ จึงกลายเป็นที่เคารพรักของชาวเสียมเรียบเป็นอย่างมาก 400 ปีต่อมา กัมพูชาเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และได้มีการศึกษาประวัติของเจ้าเจกและเจ้าจอม และเห็นว่าเป็นบุคคลตัวอย่างที่ประพฤติตนดี จึงได้สร้างรูปเคารพองค์ใหญ่ เพื่อให้ชาวบ้านได้มาสักการะบูชากราบไหว้
นำท่านสู่ ตลาดซาจ๊ะ เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงและเป็นตลาดเก่าแก่ของกัมพูชา อาคารร้านค้าต่างๆถูกสร้างขึ้นในยุคที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง จึงมีสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ในตลาดซาจ๊ะจะขายของที่ระลึกที่เป็นสินค้าพื้นเมืองของกัมพูชา ด้านหน้าตลาดจะเป็นผลิตภัณฑ์ของแห้งจากโตนเลสาบ ได้แก่ ปลากรอบ หรือปลาย่าง ปลาช่อนแดดเดียว กุนเชียง และปลาที่อยู่ในโถ เช่น ปลาร้า ปลาหมักชนิดต่างแบบเขมร ลึกเข้าไปในตลาดจะเป็นตลาดสดขายผักผลไม้ต่างๆ บางอย่างก็นำเข้าจากไทย ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นตลาดปลาสดๆ ที่มาจากทะเลสาบโตนเล มีปลาหลากหลายชนิดมาก เด่นๆ ก็มีปลาเนื้ออ่อน ปลาดุก ปลากด ปลาเทโพ ปลาสวาย ช่วงเย็นๆ บริเวณหน้าตลาดจะคึกคักไปด้วยคนท้องถิ่นที่พากันจับจ่ายซื้อของ
นำท่านสู่ วัดพระพรหมรัตน์ วัดนี้มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี ภายในพระวิหารของวัด มีพระนอนศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างด้วยกาบเรือของพระชื่อดังรูปหนึ่งนามว่า “พระคุณเจ้าจังหันอุ่น” ความพิเศษของพระพุทธรูปคืออยู่ต่ำจากพื้นโบถ์ลงไปสาเหตุเพราะอยู่มานานเป็นพันปีทำให้ดินทับถมขึ้นจนสูงกว่าพระพุทธรูป
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 2) บริการอาหารค่ำแบบบุฟเฟ่ต์ พร้อมชมชุดการแสดงระบำอัปสรา ระบำโบราณสุดคลาสสิคของกัมพูชา
ที่พักระดับ 4 ดาว Smiling Hotel & Spa หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 3)
นำท่านชม นครวัด หรือปราสาทนครวัด เป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ “เมืองพระนคร” ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรในสมัยที่ยังรุ่งเรือง ในอาณาบริเวณปราสาทอันกว้างใหญ่ได้ถูกก่อสร้างด้วยหินทรายขนาดมหึมา นำมาเรียงรายต่อกันและสลักลวดลายอย่างงดงาม กว่าจะได้หินมาแต่ละก้อนต้องชักลากมาจากเขาพนมกุเลน ซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 50 กิโลเมตร ต้องใช้แรงงานคนและสัตว์มานับไม่ถ้วน ใช้ช่างแกะสลัก 5,000 คน ใช้เวลาสร้างร่วม 100 ปี การจะนำหินขนาดใหญ่แต่ละก้อนมาสร้างเป็นปราสาทที่งดงามได้ขนาดนี้ จะต้องมีการวางผังการก่อสร้างมาเป็นอย่างดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นฝีมือของวิศวกรชั้นเอกในสมัยนั้นกันเลยทีเดียว ตัวปราสาทสูง 60 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสูงตามคติของศูนย์กลางจักรวาลล้อมรอบด้วยปราสาท 5 หลัง มีคูน้ำล้อมรอบตามแบบอย่างของมหาสมุทรที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ กำแพงด้านนอกเป็นงานแกะสลักเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่องรามายณะ รูปแกะสลักที่มีชื่อที่สุดคือรูปเทวดากับอสูรกวนเกษียรสมุทรด้วยเขาพระสุเมรุ และยังมีรูปแกะสลักนางอัปสรอีกกว่า 1,635 องค์ ซึ่งทั้งหมดมีการแต่งกายและทรงผมที่ไม่ซ้ำกัน ลองหากันดูดีๆ จะพบว่ามีนางอัปสรที่ยิ้มเห็นฟันเพียงองค์เดียวเท่านั้น ปราสาทนครวัดได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา
นำท่านชม นครธม นครธมมีความหมายว่า “เมืองใหญ่” นครธมเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรขอม สร้างขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของนครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมาย ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักของพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า ปราสาทบายน จุดเด่นที่สุดคือทางเข้าด้านใต้ ที่มีลักษณะเป็นหน้า 4 หน้า บริเวณประตูด้านใต้นี้ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้เป็นอย่างดี
นำท่านชม ปราสาทบายน เป็นศิลปะแบบบายน ในพุทธศาสนานิกายมหายาน เป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แม้ปราสาทจะไม่ใหญ่โตเท่านครวัดแต่มีความแปลกและดูลี้ลับ ทั้งปราสาทมีแต่ใบหน้าคน หากยืนอยู่ภายในปราสาทไม่ว่ามุมไหนก็หาได้รอดพ้นจากสายตาเหล่านี้ได้ คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่ายิ้มบายนคือการจำลองใบหน้าของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มาไว้บนยอดปรางค์ทั้ง 4 ทิศ โดยสายตาที่มองลงต่ำนั้นเป็นการมองราษฎร ส่วนปรางค์ 54 ยอดนั้นแทนจำนวนจังหวัดทั้งหมด 54 จังหวัดที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปกครองอยู่ในยุคนั้น
นำท่านชม ปราสาทพิมานอากาศ เป็นปราสาทหลังเดียวที่ก่อสร้างด้วยหินทรายอยู่บนฐานศิลาแลง ซ้อนกันเป็น 3 ชั้น คล้ายปิรามิด บนฐานพลับพลาสูงแห่งนี้ยังมีร่องรอยการปลุกสร้างพลับพลาในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ให้ออกว่าราชการตรวจพลสวนสนาม หรือประกอบพิธีทางศาสนา
นำท่านชม ลานช้าง เชื่อกันว่า ลานช้าง คือฐานของพระราชวังของขอม ตัวปราสาทที่สร้างด้วยไม้ถูกทำลายไปแล้ว เหลือแต่แนวฐานหิน ประดับตกแต่งและแกะสลักเป็น ครุฑแบก ยักษ์แบก รูปหงส์ รูปม้าห้าหัว และที่โดดเด่นที่สุด คือ รูปช้าง จึงถูกเรียกว่าเป็นลานช้าง เป็นที่สำหรับให้องค์พระมหากษัตริย์นั่งทอดพระเนตรการสวนสนาม การซ้อมรบ และการเฉลิมฉลองต่างๆ ตลอดจนการต้อนรับพระราชอาคันตุกะ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 4)
บ่าย นำท่านชม ปราสาทบันทายศรี (BANTEAY SREI) เป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา มีความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์ และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 1,000 ปี แต่ลวดลายยังมีความคมชัด เหมือนเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ปราสาทบันทายศรีหรือเรียกตามสำเนียงเขมรว่า บันเตียไสร หมายถึง ปราสาทสตรี หรือป้อมสตรี ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร ใกล้กับแม่น้ำเสียมเรียบในบริเวณที่เรียกว่า อิศวรปุระ หรือเมืองของพระอิศวรนั่นเอง
นำท่านชม ปราสาทตาพรหม ปราสาทตาพรหมจัดได้ว่าเป็นวัดในพุทธศาสนา และเป็นวิหารหลวงในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1729 เพื่ออุทิศให้แก่พระราชมารดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 คือพระนางชัยราชจุฑามณีผู้เปรียบประดุจกับพระนางปรัชญา ปรมิตา ซึ่งหมายถึงเมื่อพระองค์เป็นอวตารของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระราชมารดาของพระองค์จึงเปรียบดังพระนางปรมิตาเช่นกัน
นำท่านเดินทางไปชมพระอาทิตย์ตกที่ เขาพนมบาเค็ง ซึ่งท่านสามารถมองเห็นวิวของบารายตะวันตกขนาดใหญ่ และปราสาทนครวัดได้อย่างชัดเจน
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 5) บริการอาหารค่ำแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติ
ที่พักระดับ 4 ดาว Smiling Hotel & Spa หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 6)
นำท่านเดินทางสู่ น้ำตกพนมกุเลน โดยในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ได้ย้ายเมืองหลวงมายังพนมกุเลน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “มเหนทรบรรพต” แปลว่า ภูเขาของพระอินทร์ผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้พนมกุเลนเป็นอาณาจักรขอมโบราณ ที่มีแหล่งโบราณคดีมากมายซ่อนอยู่ในป่าทึบ และกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวกัมพูชาซึ่งมีความโดดเด่นทางธรรมชาติและมีความอุดมสมบูรณ์ล้อมรอบด้วยภูเขาและน้ำตก
นำทุกท่านชม ศิวลึงค์ ในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือเรียกว่า ลำธารสหัสลึงค์ ด้วยคติไศวนิกายที่บูชาพระศิวะเป็นเทพสูงสุด ศิวลึงค์จึงเป็นตัวแทนของพระศิวะ ซึ่งบวงสรวงด้วยการใช้น้ำรดไปยังศิวลึงค์ ผ่านฐานโยนีที่เป็นตัวแทนของพระแม่อุมา น้ำที่ไหลลงมาจึงถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น เมื่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 สถาปนามหนทรบรรพตขึ้นเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร พนมกุเลนจึงเป็นตัวแทนของเขาไกรลาส อันเป็นที่สถิตแห่งองค์พระศิวะ ภายใต้ลำน้ำในเทือกเขาแห่งนี้ จึงมีการสลักภาพศิวลึงค์จำนวนนับร้อยพัน เพื่อให้สายน้ำที่ไหลผ่านเสมือนดั่งการบวงสรวงองค์พระศิวะและพระแม่อุมา ไปหล่อเลี้ยงผู้คนภายในราชอาณาจักร สถานที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นต้นน้ำที่รับน้ำจากฟ้าไหลเป็นลำธารผ่านแผ่นทับหลังรูปสลัก “ศิวลึงค์” นับ 1,000 องค์ ทอดยาว 400 เมตร ซึ่งชาวกัมพูชาเชื่อกันว่าป็น “แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์” หากท่านใดที่ได้มาที่นี่ และได้นำน้ำในแม่น้ำแห่งนี้กลับไปบูชาหรือชำระล้างร่างกาย จะทำให้พบแต่ความสุขไปตลอด
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดพระองค์ธม เป็นสถานที่แสวงบุญของชาวกัมพูชา มาถึงที่นี่แล้ว ก็จะต้องขึ้นมาไหว้พระบนนี้ โดยมีโบสถ์ลอยฟ้า ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ ที่แกะสลักจากก้อนหินขนาดใหญ่ เชื่อกันว่า เมื่อเราลำบากกายปีนป่ายขึ้นบันไดมาไหว้พระองค์นี้ได้ ก็เหมือนมีวาสนาต่อกัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 7)
บ่าย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ ด่านชายแดนปอยเปต เพื่อผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองกลับสู่ประเทศไทย
……… น. เดินทางถึง ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
รหัส : SPSL010
รหัส : SPSL008
รหัส : SPSL007
รหัส : SPSL006
รหัส : SPSL003